ในปัจจุบันนี้เชื่อได้เลยว่า คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับอาหารจั๊งค์ฟู้ดและอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างแน่นอน เนื่องจากอาหารทั้งสองประเภทนี้จะให้ความสะดวก และรวดเร็วในการรับประทานเป็นอย่างมาก แถมยังมีรสชาติที่ให้ความกลมกล่อม ที่ต้องเรียกได้ว่าอร่อยถูกปากหลาย ๆ ท่านเลยทีเดียว เพราะด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันมีความแตกต่างจากสมัยก่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับอิทธิพลจากฝั่งตะวันตกมากกว่าสมัยก่อน ส่งผลให้หลาย ๆ ท่านชื่นชอบการรับประทานอาหารเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว แต่เชื่อได้เลยว่าบางท่านอาจจะยังไม่ทราบถึงความหมายของอาหารทั้งสองประเภทนี้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นไปดูกันเลยว่า อาหารจั๊งค์ฟู้ด และอาหารฟาสต์ฟู้ดมีความแตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างของอาหารจั๊งค์ฟู้ด และอาหารฟาสต์ฟู้ด
- อาหารฟาสต์ฟู้ด (Fast food) : หรือที่หลาย ๆ ท่านเรียกกันว่า “อาหารจานด่วน” นั่นเอง ซึ่งอาหารประเภทนี้จะหาได้ง่ายเป็นอย่างมาก แถมยังให้ความสะดวก และรวดเร็วอีกด้วย ที่สำคัญอาหารฟาสต์ฟู้ดจะราคาที่ไม่แรงเท่าไหร่นัก โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีการจัดเตรียมเอาไว้แล้ว คุณสามารถสั่งซื้อและรับประทานได้ในทันที หรือเอาอุ่นในไมโครเวฟได้เช่นกัน ในส่วนของคุณค่าทางโภชนาการของอาหารฟาสต์ฟู้ดจะแล้วแต่ประเภทของอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป ซึ่งจะมีคุณค่าทางโภชนาการบ้าง หรืออาจจะไม่มีอยู่บ้างตามแต่ละชนิด ซึ่งอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ทุกท่านสามารถพบเห็นได้บ่อย จะเป็นข้าวราดแกง หรืออาหารจานเดียวนั่นเอง
- อาหารจั๊งค์ฟู้ด (Junk Food) : สำหรับอาหารจั๊งค์ฟู้ดจะถือเป็นส่วนย่อยของอาหารฟาสต์ฟู้ดอีกทีหนึ่ง แต่อาหารประเภทจั๊งค์ฟู้ดมักไม่ค่อยมีคุณค่าทางโภชนาการเท่าไหร่นัก แต่มักจะเป็นอาหารที่หลาย ๆ ท่านชื่นชอบกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด เบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด พิซซ่า โดนัท น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารจั๊งค์ฟู้ดจะเน้นทำจากแป้งเป็นหลัก ตามด้วยไขมัน น้ำตาล และเกลือ ซึ่งจะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีวิตามินหรือใยอาหารเท่าไหร่นัก ดังนั้นการรับประทานอาหารจั๊งค์ฟู้ดมากเกินไป จะก่อให้เกิดไขมันส่วนเกิน และเป็นโรคอ้วนได้ในที่สุด
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าทุกท่านจะสามารถแยกอาหารจั๊งค์ฟู้ด และอาหารฟาสต์ฟู้ดกันได้อย่างแน่นอน ซึ่งอาหารทั้งสองประเภทนี้จะมีความเหมือนกันตรงที่ คุณสามารถสั่งแล้วรอรับอาหารได้ในทันที โดยไม่ต้องรอเวลาในการทำอาหารนาน แถมยังสามารถรับประทานได้อย่างสะดวก ในบางครั้งเวลาที่คุณรีบร้อนการรับประทานอาหารทั้งสองประเภทนี้จะสามารถตอบโจทย์ได้ดีเป็นอย่างมาก แต่การรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการมากเกินไป จะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ในระยะยาว ดังนั้นควรรับประทานแต่พอดี และไม่บ่อยจนเกินไป